วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2559

เรื่องสั้นชวนเขย่าขวัญ ความมืดและภูตผี

พอพวกเขาตั้งสติได้ จึงหยิบก้อนหินช่วยก้นขว้างใส่สุนัขต้วนั้นอีก มีก้อนหินหลายก้อนโดนมันเต็มๆ ถึงก้บร้องเอ๋ง ก่อนมันจะวิ่งหายไปกับความมืด เขาและเพื่อนๆ คิดว่ามันจะยังแอบชุ่มอยู่ใกล้ๆ นี่แหละ มันคงจะเฝืาดูเหตุการณ์และทำทีของพวกเราว่าจะทำอย่างไรกับอาหารจานโปรด อันเป็นศีรษะมนุษย์คนนี้สักครู่มีตำรวจหลายนายมาที่เกิดเหตุ พวกเราจึงเดินกลับไปสมทบกับตำรวจ แต่'ได้ให้เพื่อนสองคนเฝืาลูศีรษะคนตาย กลัวว่าสุนัขตัวนั้นจะแอบมาคาบศีรษะคนตายไปอีก

ศพของคนตายถูกรถไฟชนเละจำไม่ได้ว่าเป็นใคร อวัยวะของคนตายส่วนมากทะลักไหลเรี่ยราดอยู่ตามพื้นไป เชือกกระโดดแบบไหน ไกลหลายเมตร ห่างออกไปมีขบวนรถไฟบรรทุกนั้ามันจอดติดเครื่องยนต์ตังกระหึ่มเขากับเพื่อนไปยืนอยู่ข้างศพคนตายเป็นผู้หญิง น่าจะวัยกลางคน ศพที่เขาเห็นน่าจะเป็นซากศพมากกว่า เพราะร่างกายโดนรถไฟชนอย่างแรงจนฉีก ร่างกายแหลกเหลวเละเหมือนโจ๊กระลูกแตกหักไม่เป็นชิ้นดี แพทย์และตำรวจต่างทำหน้าที่ของตนอย่างระมัดระวัง เพราะเป็นคดีอาญาบ้านเมืองนอกจากจะมีตำรวจและอาสาสมัครกู้ภัยแล้ว ยังมีบรรดาไทยมุงอีกจำนวนหนึ่งมายืนมองดูเหตุครั้งนี้

ซึ่งเขาจะเห็นบรรดาไทยมุงทุกสถานที่เกิดเหตุ และเขาได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนปะปนอยู่กับไทยมุง หน้าตาคล้ายกับคนตายที่โดนรถไฟชน เชือกกระโดดราคาถูก เขาเพ่งมองผู้หญิงคนนั้นด้วยความสนใจ จึงสะกิดแขนให้เพื่อนดูผู้หญิงคนตังกล่าว เพื่อนถึงกับผงะเอามือขยี้ลูกตา“คนหรือผี...!

เล่นหลอกกนสดๆ เลยหรือนี่’’เขาขนลุกเกรียวแต่ไม่บอกเรื่องนี้ใหัคนอื่นฟัง กลัวจะถูก ตำหนิและถูกหาว่าเป็นโรคประสาทจิตหลอน จึงเก็บเรื่องนี้เอาไว้เพียงแค่เขากับเพื่อนสองคนเท่านั้น ยังไม่ท้นได้ทำอะไรกับศพคนตายเลย เพื่อนๆที่อยู่เผีาศีรษะคนตายวิ่งหน้าตื่นมาสมทบ พวกเขาปากพูดละลั้าละลักด้วยเสียงอันสั่นเท“เฮีย...ผะ ผะ ผะ...ผีหัวขาดหลอกพวกผม”ตำรวจยศนายสิบสองนายที่ยืนอยู่ข้างเขาได้ยินเพื่อนคนนี้พูด รีบพูดสวนขื้นทันควันว่า“อาสาสมัครตาฝาดไปหรือเปล่า พาไปดูหน่อยสิ”เพื่อนๆ ที่โดนผีหลอกกล้าๆ กล้วๆ ปฏิเสธที่จะพาตำรวจสองนายไปดู เขาจึงพาตำรวจทั้งสองนายเดินไปลูศีรษะขาดที่ตกอยู่ข้างริมทางรถไฟ เชือกกระโดดไร้สาย แสงไฟจากสปอดไลต์ที่เขาส่องไปกระทบศีรษะของคนตายวางอยู่ แต่สภาพศีรษะคอขาดไม่ได้ตั้งอยู่ในลักษณะเดิมที่เขาเห็นเมื่อตะกี้ เขายังนึกฉงนและแปลกใจ ศีรษะคนตายขยับเปลี่ยนท่าตั้งใหม่ได้อย่างไร เสียงตำรวจนายหนึ่งพูดว่า“อาสา...นายล่องไฟจ่อไปใกล้ๆ ให้พวกผมดูศีรษะคนตายหน่อยสิ”
                                                                                      ติดตามตอนต่อไป......

เชือกกระโดดนักมวย

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2559

กล้ามเนื้อคนเราสามารถ แข็งแรงได้ด้วยการโหนบาร์ ตอนที่จบ

ท้าทาย นักเลงสมัยก่อนดีอย่าง พูดจริงไม่เอาเปรียบกันเขาถือนัก หากใครละเมิดไม่ใช่ลูกผู้ชาย ตาพวงเข้าทำนองอย่างนั้น นัดตีกันด้วยใมัคมแฝกนี่ไม่ได้เอาอย่างละครมาเล่าให้ฟังนะครับพี่หนอม มันเรื่องจริงๆ” นิคมกลัวผมไม่เชื่อจึงขอยืนยัน ผมพยักหน้าและว่า แถวบ้านผมอยุธยาก็มีอย่างนีหวดกันหัวล้างข้างแตก นิคมจึงเล่าต่อ“ตาพวงเล่นไม่ซื่อ ในหนังสือที่ท้ามา บอกซัดกันตัวต่อตัวในงานวัดแห่งหนึ่งใกล้แถวนี้ ถึงเวลาคืนนั้น กล้ามเนื้อ โผล่มาอีกสองเท่ากับสามรุมหนึ่ง ตาสมที่ร่างกายใหญ่ราวกับยักษ์ ถูกไม้คมแฝกของตาพวงลงหลังก่อนอันตับแรกหัวทิ่มไปข้างหน้านิดเดียว แล้วเอาขายันพื้นหันกลับมาหวดสีข้างตาพวงที่

ก้าวเข้าหาอย่างเร็วหมายเร่งเผด็จศึก ตังพลั่ก ขณะสาวเท้าจะตีซ้ำกลางหัวได้เพียงแค่ยกไม้เท่านั้น มาข้างหลังสองคนหนึ่งล่อพลั่กเข้าที่ก้านคอ ที่เหลือหวดเข้าขาพับด้านหลัง กะให้พับฐานจะได้รุมกินโต๊ะกันง่ายหน่อย แต่ไม่เป็นอย่างคิด ตาสมเพียงแต่เข่าย่อลงเล็กน้อยไม่ถึงกับทรุด อาตัยวิชามวยเก่า ใช้ลูกกวางเหลียวหลัง บาร์โหนราคาถูก ถีบหน้าเจ้าคนแรกผงะหงายไม่เป็นท่า เซหลุนๆ ไปล้มก้นจาเบ้า ตาพวงฉวยโอกาสถลันเข้าหาหมายตีแสกหน้า ตาสมที่รีบยกคมแฝกในมือตวัดรับอย่างรวดเร็ว แล้วหวดปับเข้าตรงขมับเขาเรียกพัดดอกไม้ใช่ไหม” นิคมจ้องหน้าถามผม ก็พยักหน้าและว่า ใช่มั้งเพราะตรงนั้นข้างพอดีนี่ ถือโอกาสชักนิคมระหว่างหยุดขอความเห็น“ตอนนั้น คุณอถู่ในเหตุการณ์เลยหรือ”“ใช่ ไม่เพียงแต่ผมคนเดียวหรอก คิดดูงานวัดมาเที่ยวแน่นขนัดมากมาย พ่อล่อกันนัวเนีย กระจายฮือราวกับผึ้งแตกรัง ตอนนั้น

กำลังดูดนตรีลูกทุ่งอถู่ พอผู้ว่าตีกันด้วยความยังเป็นเด็กก็อยากเห็นจะๆ ลักที ไม่กลัวเลยจนนิดเดียวเชื่อไหมว่า ผมและอีกหลายสิบตามติดดูตลอด เขาไม่ได้ใช้ปีนหรือระเบิดเหมือนสมัยนี้จึง 'ผู้ไ,'ม่น่า'จะเกิดอันตรายกับใคร ยังล่งเสียงเชียร์กัน ลั่นลานวัด บาร์โหนเพิ่มกล้าม ผมเองเข้าข้างตาสมเพราะคนบ้านเดียวกัน แล้วยังถูกรุมตั้งสาม”นิคมอธิบายจนลืมแก้วน้ำสีเหลือง เลยต้องเอื้อมหยิบส่งให้บอก กินซะก่อนเดี๋ยวเซ็งหมด แล้วถาม“สรุบผลเลยว่าใครแน่กว่ากัน”ตาสมสิครับ แกใช้ทั้งคมแฝกกับแม่ไม้มวยไทย ไม,นานหรอก ตาพวงต้องเพลางถอยหนีไปด้วย จนหายเช้ารวมกับฝูงซน ขณะตาลมสาละวนล่อไอ้สองคนนั่นม่อยกระรอกคาตีนที่ใหญ่หนาเตอะ แกถ่มน้าลายแล้วพูดด้วยความโกรธ “ไอ้พวกหน้าตัวเมียรุมถู” จากนั้นกลับบ้านเฉย งานวัดก็รื่นเริงกันต่อ ที่นี่เขาคิดเป็นธรรมดาเรื่องตีกัน เพราะเป็นประจำอยู่แล้ว ขออย่างเดียวต้องล้กันซึ่งหน้า นี่เป็นนักเลงสมัยเก่าของจริง ผมก็ว่าน่าสนุกนะครับพี่หนอมทั้งตื่นเต้นหวาดเสียว อีตอนที่ตาลมแกหวดแต่ละครั้งคุณเอ๋ย กระเด้งกระดอนตามไม้ทีเดียว แกเองโดนแต่ละทีก็ใช่เล่น แต่ทนไหว“แล้วขาของตาสมด้วนเพราะอะไรล่ะ” ผมซักระหว่างนิคมหยุดเล่าเพี่อผสมน้าอย่างว่า“แกเสียอถู่อย่าง บาร์โหนสำเร็จรูป ใจร้อน และอุปนิสัยทารุณ" นิคมกระดกเหล้าแล้วเล่าต่อ”ไม่ว่าคนหรือสัตว์ลองโกรธไม่ไว้เลย เมียสองคน พูดคำเดียว “เฮ้ยกูชอบมึงไปอถู่ด้วยกันไหม”ทั้งคู่ต้องมาหาถึงบ้านไม่งั้นแกก็'ไห้'พรรคพวกหรือ

ลูกน้องไปฉุดเอาดื้อๆ ไม่มีใครกล้าแตะต้อง พูดหยาบๆ นะ ขนาดหมาตัวหนึ่งเห่า ระหว่างที่เดินไปตาทาง ยังไม่ไว้เลยกลับบ้านไปเอาปีนมายิงขาจนไอ้ตัวนั้นเดินไม่ไต้ นี่แหละความโหดเหี้ยมของตสมมาระยะหนึ่ง ผมอายุลักสิบแปดเห็นจะได้ แกลงสมัครเช้าชิงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ตอนนั้นรู้สึกยังไม่มี อ.บ.ต. หรืออย่างใดนี่แหละ ให้ลูกน้องไปบอกตามบ้านเชิญทุกคนมากินเลี้ยงยังหลังที'เราไปเมื่อครู่นี้ไง ลัดโต๊ะยาวยืดกะว่าคนต้องมาเป็นร้อย แล้วก็จริง วันนั้นทั้งหญิงชาย เฒ่าแก่เพียบ “พี่เชื่อไหม” นิคมหันถามผม ก็รีบพูดแทรก “บอกมาก่อนสิเรื่องอะไร น่าเชื่อหรือไม่'ถึงจะตอบฐก” หนุ่มเจ้าของไร่ยาสูบค้อนเพราะรู้ผมแกล้งขัดจังหวะเล่นจึงว่าเล่าต่อเถอะเชื่อหมดทุกคำ

บาร์โหน